วิธีทำให้เข้าสู่ระบบ WordPress ใน Domain และ SubDomain ในครั้งเดียว

เกริ่นปัญหา

ปัญหาของเรื่องนี้มาจากโพสนี้ครับ สรุปคือเค้าอยากได้ WordPress 2 ตัวที่ใช้ฐานข้อมูลผู้ใช้อันเดียวกัน และเข้าสู่ระบบที่นึง อีกที่จะเข้าสู่ระบบด้วย โดยหลังจากผมลองค้นหาดู พบว่าสามารถทำได้ แต่ทำได้ในระดับแค่ Sub Domain หรือ Sub Directory เท่านั้นนะครับ และ Database ต้องใช้ Database เดียวกัน (ผมเข้าใจว่าสามารถทำได้ถึงระดับที่อยู่คนละ Database แต่ต้องเป็นที่เดียวกันและใช้ Username/Password เหมือนกัน)

วิธีทำ

  1. ก่อนอื่นให้ลง WordPress ทั้ง 2 ที่แบบปกติให้เรียบร้อยก่อน (ถ้ามีแล้ว ข้ามไปครับ)
  2. ลง Plugins “WP-Orphanage Extended” ให้ WordPress ทั้ง 2 ตัว แล้วไปตั้งค่าใส่ prefix ให้เรียบร้อยครับ
  3. ทำการแก้ไข wp-config.php ของ WordPress ทุกตัวดังนี้ครับ
    <?php
    // แทน xxx ด้วยค่าเดิมนะครับ แต่ทุกไฟล์ที่เป็น wp-config.php ต้องเหมือนกันหมด
    define('AUTH_KEY', 'xxx');
    define('SECURE_AUTH_KEY', 'xxx');
    define('LOGGED_IN_KEY', 'xxx');
    define('NONCE_KEY', 'xxx');
    define('AUTH_SALT', 'xxx');
    define('SECURE_AUTH_SALT', 'xxx');
    define('LOGGED_IN_SALT', 'xxx');
    define('NONCE_SALT', 'xxx');
    
    // ตั้งค่า Cookie ให้ Login แล้วใช้ได้ทุก sub domain 
    // อย่าลิมแก้ .example.com เป็น domain ตัวเอง (ไม่ต้อง www)
    // อย่าลืมจุดหน้า domain มันสำคัญมาก ผมไม่ได้พิมพ์ผิด 
    define('COOKIE_DOMAIN', '.example.com'); 
    define('COOKIEPATH', '/');
    define('SITECOOKIEPATH', '/');
    define('PLUGINS_COOKIE_PATH', '/');
    define('ADMIN_COOKIE_PATH', '/');
    
    // ตั้งชื่อ Cookie ที่ใช้เวลา Login 
    define('AUTH_COOKIE','wordpress_auth_cookie');
    define('SECURE_AUTH_COOKIE','wordpress_auth_cookie');
    
    // บอกว่าจะใช้ User จากตารางไหน 
    define('CUSTOM_USER_TABLE','wp1_users');
    define('CUSTOM_USER_META_TABLE','wp1_usermeta');
  4. ทดสอบได้เลยครับ

ความเห็นส่วนตัว

จริงๆคิดว่าถ้าจะทำแบบนี้น่าจะทำเว็บเดียวแล้วแยก Category ของบทความน่าจะดีกว่า แล้วปรับ Theme เอา โดยใช้ Template Hierarchy หรือ Condition Tags ช่วยก็จะได้ 2 ส่วนที่หน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ข้อมูลเหมือนกันแล้ว (ช่วยได้ระดับนึงนะ) หรือไม่ก็แยก Post Type ไเลยก็ได้ครับ

วิธีทำให้ WordPress ใช้ AMP ได้ + วิธีใส่โฆษณาในหน้า AMP

AMP คืออะไร

AMP หรือชื่อเต็มคือ Accelerated Mobile Pages เป็นมาตรฐานหน้าเว็บความเร็วสูงชนิดหนึ่ง ที่ประกาศใช้โดย Google เพื่อให้สามารถแสดงผลหน้าเว็บบนมือถือได้เร็วที่สุด โดยจะมีแท็กใหม่ๆที่ถูกประกาศออกมาโดย Google เอง และ HTML5 ปกติ เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุดในการเข้าถึงหน้าเว็บ โดยมีข้อกำหนดบางอย่างเพื่อให้หน้าเว็บเร็วขึ้น เช่น

  • การใช้รูปต้องมีการประกาศจองที่ว่ากว้างสูงเท่าไหร่ เพื่อให้ Browser จองที่ไว้ จะได้ไม่ต้องมีการ reflow บ่อยๆ
  • มีการบังคับว่าแท็ก script ทุกตัวต้องเป็น async เพื่อให้ผู้ใช้เห็นหน้าเว็บได้เลย ไม่ต้องรอโหลด script ก่อน
  • นอกจากนั้นหน้าเว็บ AMP จะจัดลำดับความสำคัญของการโหลดด้วยตัว AMP เอง เช่นบังคับให้โฆษณาโหลดหลังเนื้อหาเป็นต้น

เราจะใช้ AMP ได้อย่างไร

วิธีใช้ง่ายๆ

  1. ก่อนอื่นเข้าไปดูข้อกำหนดต่างๆ ในเว็บของ AMP  จากนั้นให้สร้างหน้าใหม่สำหรับเนื้อหาแต่ละหน้า โดยใช้ข้อกำหนดต่างๆในเว็บ AMP (มันมีเยอะ ผมไม่ขอพูดถึงนะครับ)
  2. หลังจากเราได้หน้าใหม่มาแล้ว ในหน้าเนื้อหาเก่า เพิ่ม code ส่วนนี้ลงใน head
    <link rel="amphtml" href="http://example.com/amp.html" />

    อย่าลืมแก้ URL เป็นหน้า AMP ที่สร้างสำหรับหน้านั้น เป็นอันเสร็จสิ้นครับ

วิธีใช้ AMP สำหรับ WordPress

จากวิธีด้านบน ยุ่งยากใช้ไหมครับ คำตอบใช่ครับ สำหรับท่านที่ใช้ WordPress เรามีวิธีที่ดีกว่ามานำเสนอ นั้นคือติกตั้ง Plugin AMP ซึ่งสามารถดาวโหลด Plugin AMP ได้โดยคลิกลิงครับ เสร็จแล้วก็ติดตั้งลง WordPress ให้เรียบร้อย ถ้ามี Cache ก็ clear cache ซำ เท่านี้ก็สามารถใช้งาน AMP ได้แล้วครับ สามารถทดสอบได้โดย สมมุติ URL เราเป็น

https://www.ishare.in.th/articles/วิธีทำให้-wordpress-ใช้-amp-ได้-วิธีใส่โฆษณาในหน้า-amp

เราก็เติม /amp ลงไปด้านหลัง มันจะแสดงหน้าเว็บฉบับ AMP ให้ (ใช้ได้บน Chrome เท่านั้นนะครับ ตัวอื่นอาจจะแสดงผลไม่สมบูรณ์ เช่นโฆษณาไม่แสดงเป็นต้น) จะได้เป็น
https://www.ishare.in.th/articles/วิธีทำให้-wordpress-ใช้-amp-ได้-วิธีใส่โฆษณาในหน้า-amp/amp

ต้องบอกว่า plugin ตัวนี้ จะแสดงหน้า AMP ที่มีแค่เนื้อหาโพสเท่านั้นนะครับ ไม่มีความเห็น หรือส่วนอื่นๆ เพราะมันไม่ตรงข้อกำหนดของ AMP

ถ้าต้องการใส่โฆษณาให้หน้า AMP ทำยังไง

สำหรับใครที่ใช้ WordPress สามารถทำตามนี้ได้เลยครับ (แนะนำควรมีความรู้ php html ละดับนึงนะครับ เพื่อเกิดปัญหาจะได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ หรืออย่างน้อยๆควร backup ไว้ก่อนครับ) สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้ WordPress ก็น่าจะสามารถเดาจากด้านล่างได้เลยครับ ไม่น่ายาก

  1. ให้แก้ไข functions.php ในโฟลเดอร์ theme ของเรา
  2. ให้เพิ่มโคดไปดังนี้ครับ ดังตัวอย่างอันนี้เป็นของ Google Adsense
    <?php
    function show_amp_ads(){
    ?>
    <div style="text-align:center">
    <amp-ad width=320 height=100
    type="adsense"
    data-ad-client="ca-pub-2132417031705165"
    data-ad-slot="6260362044">
    </amp-ad>
    </div>
    <?php
    }
    add_action( 'amp_post_template_footer', 'show_amp_ads' );

    (อย่าลืมแก้ตรง data-ad-client กับ data-ad-slot นะครับ ไม่งั้นเงินเข้าของผมหมดเลยนะ 55+)

หากต้องการใช้ Ads ตัวอื่นเช่น DoubleClick ให้ไปดูตัวอย่างจากที่นี่แล้วเอามาปรับครับ เช่นสมมุติของ DoubleClick จะเป็นประมาณนี้ครับ

<?php
function show_amp_ads(){
?>
<div style="text-align:center">
  <amp-ad width=320 height=50
      type="doubleclick"
      data-slot="/4119129/mobile_ad_banner"
      >
  </amp-ad>
</div>
<?php
}
add_action( 'amp_post_template_footer', 'show_amp_ads' );

จะเห็นว่าหลังจากใส่โคดลงไปจะเห็นว่ามีโฆษณาโผล่มาล่างสุดของหน้าเว็บแล้ว ถ้ามันไม่ขึ้นให้ลองดูผลสัก 2 – 3 วันนะครับ เพื่อให้ Bot Google เข้ามาเก็บข้อมูลไปหาว่าควรแสดงโฆษณาตัวใดดี

ข่าวร้ายสำหรับคนที่เดาโคดข้างต้นแล้วพยายามเปลี่ยนให้โฆษณาไปติดอยู่เหนือบทความ ขอบอกว่าแค่แก้ amp_post_template_footer เป็น amp_post_template_header ไม่ได้นะครับ เพราะมันไม่มี ผมลองแล้ว ถ้าอยากแก้ต้องไปแก้ที่ templates/single.php ที่อยู่ในโฟลเดอร์ plugin AMP ครับ

หากต้องการแก้ไขหน้า AMP เอง สามารถทำอย่างไรได้บ้าง

  1. คัดลอก templates/single.php ในโฟลเดอร์ plugin ไปไว้ที่ theme/amp/single.php
  2. เพิ่ม code ตรงนี้ลง functions.php
    <?php
    function my_amp_set_custom_template( $file, $type, $post ) {
        if ( 'single' === $type ) {
            $file = dirname( __FILE__ ) . '/amp/single.php';
        }
        return $file;
    }
    add_filter( 'amp_post_template_file', 'my_amp_set_custom_template', 10, 3 );
  3. แก้ amp/single.php ตามสะดวก แต่ต้องตรงมาตรฐาน AMP นะครับ จะใส่โฆษณาอะไรตรงไหนก็เต็มที่ครับ แต่ถ้าเยอะไปมันจะผิดวัตถุประสงค์ของ AMP นะครับ ระวังด้วย

แนะนำโปรแกรม Visual Novel Reader

Visual Novel Reader คืออะไร

Visual Novel Reader เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับเพื่อเล่นเกมส์ประเภท Visual Novel (เกมส์ที่มีแต่ข้อความให้อ่าน + ภาพ CG เป็นหลัก บางเกมส์อาจจะแทรกมินิเกมส์อื่นๆพ่วงมาด้วย และส่วนมากเป็น H-Game) โดยตัวโปรแกรมนี้มีความสามารถคือดึง text จากเกมส์ออกมาแล้วส่งไปให้ Translator Service ต่างๆแปล และนำมาแสดงผลให้เราสามารถอ่านเนื้อเรื่องเกมส์พอเข้าใจได้

วิธีลง Visual Novel Reader

  1. ก่อนอื่นต้องมีโปรแกรม 7-Zip ก่อน (หรือโปรแกรมที่เปิด .7z ได้) ก็ไปดาวโหลดมาลงซะ เวลาดาวโหลดให้เลือกตัวที่เป็น .msi  ลงไม่ยากเปิดตัวลง กด Next รัวๆ
  2. ดาวโหลดตัว Visual Novel Reader จากลิงค์นี้ (UPDATE 2017-11-26 เจ้าของเลิกพัฒนาแล้ว แต่คิดว่ายังใช้ได้อยู่)
  3. หลังจากโหลดมาแล้วเราจะได้มาไฟล์นึง ให้แตกไฟล์นั้นออกครับ
    แตกไฟล์ Visual Novel Reader
  4. ให้เราเปิดตัว Visual Novel Reader.exe (ไม่บังคับ แต่ควรเปิดด้วยสิทธิ์ AdministratorsX
    เปิดตัว Visual Novel Reader.exe
  5. เมื่อเปิดแล้วจะได้หน้าตาแบบนี้ครับ
    หน้าตาของ Visual Novel Reader
  6. หลังจากขั้นนี้ไป จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ไม่มีผลมากนัก ให้คลิกขวาตรงที่ว่างๆเลือก Preferences
    เข้า Preferences ของ Visual Novel Reader
  7. ปิดการเปลี่ยน Cursor ของ Mouse อัตโนมัติ ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเมื่อเปิดโปรแกรมแล้ว Cursor จะเปลี่ยนไป ให้เลือกส่วนของ UI จากด้านขวา ให้เอาเครื่องหมายถูกออกตรง Customize mouse cursor และหากบางคนไม่อยากให้เปลี่ยน BG เวลาเลือกเกมส์ (ใช้ไปสักพักจะรู้ว่าคืออะไร) ให้เอาเครื่องหมายถูกออกตรง Automatically change wallpaper for different games
    ปิดการเปลี่ยน Cursor/Pointer อัตโนมัติ ใน Visual Novel Reader
  8. เลือกใช้ Google Translation Service แทน Bing Translation Service โดยเอาเครื่องหมายถูกที่ Microsoft Bing.com multilingual translation service ออก แล้วทำเครื่องหมายถูกที่ Google.com multilingual translation service แทน อันนี้แล้วแต่คนชอบว่าชอบใช้ Service ตัวไหนครับ ส่วนตัวผมชอบ Google Translate มากกว่า
    เลือก Translation Service ที่ต้องการให้ Visual Novel Reader ใช้
  9. ลง AppLocale (ไม่สำคัญมากนัก)

วิธีการใช้ Visual Novel Reader

  1. ก่อนอื่นเปิดเกมส์ที่เราต้องขึ้นมาก่อน จะเห็นว่าครั้งแรกนั้นพวก Font ต่างๆ จะไม่เป็นภาษาญี่ปุ่น (หรือภาษาตามต้นฉบับ) ให้เรารอสักพักแล้วปิดเกมส์ไปครับ
    เปิดเกมครั้งแรก font เสีย
  2. จากนั้นกลับไปดูที่โปรแกรม Visual Novel Reader จะเห็นว่ามีเกมส์ขึ้นมาบนกระดานแล้ว (ถ้ามันไม่แสดง ให้ลองกดเล่นเองนะครับ ด้านล่าง 2 ปุ่มแรก ที่รูปคล้ายๆจรวดกับแว่นขยาย จำไม่ได้ว่าปุ่มไหน คิดว่าไม่ยาก)
    Visual Novel Reader แสดงเกมส์ที่มันหาเจอ
  3. ให้ดับเบิ้ลคลิกที่เกมส์ เพื่อลองเปิดขึ้นมา ถ้า Font ไม่เสียก็ข้ามขั้นตอนี้ไปครับ แต่ถ้าเสียให้ปิดเกมส์ แล้วกดที่ตัวเกมส์ 1 ครั้งก่อนกด Edit ด้านล่างครับ
    กดที่ตัวเกมมศืแล้วกด Edit เพื่อเข้าหน้าแก้ไข
  4. ตรง Prefered Game Loader ให้เลือกภาษาของเกมส์ และตัวเลือกด้านล่าง ให้สลับไปเรื่อยๆ แล้วลองเปิดเกมส์ใหม่ (ต้องเปิดผ่าน Visual Novel Reader นะครับ ไม่งั้นมันไม่แก้ให้) เมื่อเลือกแล้วสามารถปิดหน้าต่างนี้ได้ทันที มันจะบันทึกให้อัตโนมัติ โดยส่วนตัวผมแนะนำให้เลือกตามลำดับต่อไปนี้คือ Default > NTLEA > AppLocale (ต้องลงก่อนดูวิธีลงได้ที่นี่) > LocaleSwitch > อื่นๆ
    ปรับ Option เพื่อเปิดเกมส์ด้วย Visual Novel Reader
  5. จะเห็นว่าคราวนี้ภาษาญี่ปุ่นถูกต้องแล้ว
    ภาษาแสดงได้อย่างถูกต้องแล้ว
  6. เมื่อเปิดเกมส์ รอสักพักเราจะเห็นเมนูสีฟ้าๆขึ้นมาที่ด้านซ้ายของเกมส์ ให้รอสักพักแล้วค่อบเริ่มเล่นเกมส์ตามปกติ (จะมีอะไรขึ้นมุมขวาเต็มไปหมด ปล่อยไปไม่ค่อยสำคัญ)
    เมื่อเปิดเกมส์ Visual Novel Reader จะเพิ่มเมนูสีฟ้าๆ ขึ้นด้านซ้ายของเกมส์
  7. เมื่อเรารอสักพักมันจะขึ้นตัวหนังสือที่มันถอดได้และคำแปลจาก Translation Service ที่เราเลือกไว้ขึ้นมา (สังเกตุด้านบน จะมีตัวหนังสือลอยขึ้นมา เหมือนข้อความในเกมส์ พร้อมคำแปล) เราสามารถเอาเมาส์ไปวางตรงตัวหนังสือที่ลอยขึ้นมาแล้วจะเห็นแถบเล็กๆลอยขึ้นมา สามารถกอที่แถบนั้นเพื่อเลื่อนคำแปลไปไว้ที่อื่นได้ครับ)
    Visual Novel Reader ถอดข้อความมาแปลให้เรียบร้อย

กรณีพิเศษ ข้อความไม่ขึ้น

ในบางเกมส์นั้น ตัว Visual Novel Reader เลือกข้อความไปแปลไม่ถูกต้อง เราสามารถตั้งค่าได้ดังนี้

  1. ตอนเปิดเกมส์จะมีแถบสีฟ้าๆขึ้น (ถ้าหายไปแล้วให้พับจอลง Task bar แล้วกดขึ้นมาใหม่ครับ) ให้คลิกขวาที่ Text เลือก Text Settings
    คลิกขวาที่ Text เลือก Text Settings
  2. จะมีหน้าต่างขึ้นมา อันนี้ให้อาศักความสามารถส่วนตัว ลองกดให้ข้อความเปลี่ยนแล้วดูว่าอันไหนที่มีข้อความเหมือนข้อความใหม่ที่แสดง ให้กดคำว่า dialog ตรงกล่องนั้นให้เป็นสีฟ้า อย่างของผมเลือกซ้ายบนสุด ก็กด dialog ของข้อความซ้ายบนสุด จากนั้นให้เรากด Save ก็จะได้แล้วครับ
    เลือก dialog ตรงส่วนของข้อความที่แสดงตรงกับตัวเกมส์

กรณีที่ไม่มีให้เลือก แสดงว่ามันไม่สามารถแกะข้อความมาได้ครับ ต้องไปหา Hook Code ของเกมส์นั้นมาใส่เอง ซึ่งแต่ละเกมส์ไม่เหมือนกันครับ + ผมไม่เก่งพอจะหา Hook Code ด้วย เลยไม่สามารถสอนได้ครับ

Page File คืออะไร? เราควรปิดหรือเปิดมันดี? ควรใช้ RAM Disk เก็บไหม?

Page File คืออะไร

Page File (บางคนเรียก Swap file คล้ายๆกัน) คือไฟล์ที่ระบบ OS ต่างๆ เช่น Windows สร้างขึ้นมาเพื่อย้ายข้อมูลบางส่วนใน RAM มาเก็บใน Hard Disk ถ้าหากถามว่ามันทำเพื่ออะไร Hard Disk มันช้ากว่า RAM ไม่ใช่เหรอ คำตอบง่ายๆ เพื่อไว้ใช้ในกรณีที่มีโปรแกรมใช้ RAM มากๆ จนทำให้ RAM ไม่พอ จึงต้องย้ายบางโปรแกรมที่ไม่ใช้ไปเก็บที่อื่นก่อน เพื่อให้ RAM พอกับโปรแกรมที่เราใช้ในปัจจุบัน (ในบางครั้ง มันก็ย้ายลง Page file ทั้งที่ RAM ยังเหลืออยู่ เพราะว่ามันเก็บ Cache การอ่านไฟล์ลง RAM ด้วย ยกตัวอย่างเช่น การเปิด Word ครั้งแรกคุณจะรู้สึกว่าช้า แต่เมื่อคุณเปิดอีกครั้งมันจะเร็วขึ้น เพราะข้อมูลบางส่วนถูก Cache อยู่ใน RAM)

แล้วทำไมบางคนบอกให้ไปปิดมัน

อย่างที่ทราบกันว่า Hard Disk นั้นช้ากว่า RAM มาก เมื่อมีการย้ายข้อมูลบางส่วนลง Hard Disk ไปใส่ Page file แล้ว เมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลส่วนนั้น มันก็จะต้องวิ่งผ่าน Hard Disk ซึ่งช้ากว่า ทำให้มันช้าลงในกรณีนี้

แล้วจริงๆแล้วเราควรปิดมันไหม

อันนี้ไม่มีคำตอบตายตัว ต้องพิจารณาหลายอย่าง เช่น RAM ที่เครื่องมี โปรแกรมที่ใช้ โปรแกรมที่ถูกโหลดตอนเครื่องเปิด เป็นต้น

ยกตัวอย่างเช่น เครื่องผมมี RAM 16 GB และไม่ได้ใช้โปรแกรมที่กิน RAM สูงอย่างพวก Photoshop โดยทั่วไปผมใช้แค่ Word, PowerPoint,Chrome,Firefox ทั่วๆไป มีการเขียนโปรแกรมใช้พวก Eclipse, phpStorm ซึ่งกิน RAM ค่อนข้างมาก แต่ไม่เกิน 4GB ดังนั้นโดยทั่วๆไปเครื่องผมไม่น่าจะใช้ RAM ถึง 8 GB ได้ ดังนั้นในกรณีผมควรจะปิด เพื่อให้ใช้เครื่องได้ลื่นไหลขึ้น  (ไม่มีการเก็บข้อมูลใน Hard Disk แน่นอน เลยไม่มีการหน่วงเวลาสลับโปรแกรม)

อันนี้ก็ขึ้นกับ RAM ของคุณและพฤติกรรมของคุณ ถ้าคุณใช้แค่ Chrome, Firefox,Word ทั่วไป และมี RAM มากกว่า 8GB ผมแนะนำว่าควรปิดไปเลยก็ได้

คำเตือน หากคุณมีการใช้ Photoshop ตัอต่อ VDO หรืออะไรก็ตามที่ใช้ RAM เยอะ ไม่ควรปิดโดยเด็ดขาด เพราะหาก RAM ไม่พอ ถ้าโชคดีมันเตือนทัน มันก็จะเตือนให้ไปปิดโปรแกรมอื่น หรือเปิด Page file ก่อน แต่ถ้าเราแก้ไขไม่ทัน ตัว OS จะปิดโปรแกรมนั้นทิ้งทันที ซึ่งอาจจะทำให้ข้อมูลคุณหายได้

วิธีปิด Page file

หลังจากที่คุณตัดสินใจจะปิด Page file แล้ว การปิด Page file มีขั้นตอนดังนี้

  1. กดปุ่มรูป Windows + R แล้วพิมพ์ SystemPropertiesAdvanced ลงไป กด OK
    เปิด Run Command และใส่ SystemPropertiesAdvanced ลงไป กด OK
  2. กดที่ Settings
    กดที่ Settings
  3. ไปที่ Advanced และกด Change
    ไปที่ Advanced และกด Change
  4. เอาเครื่องหมายถูกบนสุดออก เพื่อบอกว่าเราจะตั้งค่า Page File เอง และเลือก No Paging File และกด Set เพื่อปิด Page file มันจะขึ้นข้อความถามว่า จะปิด Page file จริงๆใช่ไหม ให้กด Yes เลย
    เอาเครื่องหมายถูกบนสุดออกและเลือก No Paging File
  5. กด OK เรื่อยๆจนหมดครับ มันจะบอกว่าให้ Restart เครื่องไหม ให้กด Restart Now เพื่อ Restart ครับ เพื่อให้เครื่องปรับการตั้งค่า (ไม่สามารถลัดด้วยการ kill explorer.exe เปิดใหม่ได้นะครับ)

หากต้องการใช้ Page file ควรคิดถึงอะไรบ้าง

หากยังต้องการเปิด Page file อยู่ ไม่ว่าด้วยเหตุผล RAM ไม่เยอะ หรือป้องกันโปรแกรมปิดเองเวลา RAM ไม่พอ ผมมีข้อแนะนำนิดหน่อย ดังนี้

  1. เราควรเลือกให้อยู่ใน Partition ที่อยู่ Hard Disk คนละตัวกับที่มี Windows ถามว่าทำไม เพราะโปรแกรมโดยมากใช้ข้อมูลบน โฟลเดอร์ Windows และ Program files ในนั้น ดังนั้นหากเราย้ายไปที่ Hard Disk คนละตัว จะช่วยให้สามารถอ่านเขียนได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องแย่งทรัพยากรกับโปรแกรมอื่น
  2. หากมี Hard Disk แค่ตัวเดียว ควรเลือก Partition ที่มีที่ว่างเหลือเยอะที่สุด เพื่อที่จะทำให้ Page file จะอยู่ติดกัน ไม่มี fragment บน Hard Disk มากนัก จะช่วยให้เร็วขึ้นนิดหน่อย
  3. ไม่ควรใส่ Page file ลงบน SSD เพราะ ถึงแม้ SSD จะเร็วมาก แต่มีการจำกัดจำนวนครั้งที่จะเขียนได้ต่อลูก ดังนั้นจึงทำให้อายุของ SSD สั้นลงได้ จนถึงขั้นว่าบางคนแนะนำให้ปิด Page file ถ้ามี SSD แค่ลูกเดียว

เราควรใช้โปรแกรมพวก RAM Disk ช่วยไหม

ผมไปอ่านมาหลายที่ มีหลายคนชอบแนะนำว่าให้ใช้โปรแกรม RAM Disk ช่วย คำถาม RAM Disk คืออะไร มันเป็นโปรแกรมที่นำพื้นที่บางส่วนของ RAM มาใช้เก็บข้อมูล และเนื่องจาก RAM มันเร็วมาก บางคนเลยเอามาใส่ Page File ซะเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดครับ

ถามว่าทำไม? ลองกลับไปอ่านต้นๆของบทความนะครับ Page file คือ file ที่เก็บบางส่วนของ RAM ไปไว้บนไฟล์ เพื่อช่วยให้ระบบทำงานลื่นไหล แม้ว่าโปรแกรมจะกิน RAM มหาศาลก็ตาม

ทีนี้เมื่อเราใช้ RAM Disk ซึ่งเอาบางส่วนของ RAM มาทำเป็น Partition ดังนั้นหมายความว่า RAM Disk ไม่มีทางสร้างได้มากกว่าขนาดของ RAM ที่เรามี ดังนั้นจึงหมายความว่า Page file จะไร้ค่าไปในทันที เพราะโดยรวมแล้วจะไม่สามารถย้ายข้อมูลที่ไม่ใช้ออกนอก RAM ได้เลย เพราะงั้นถ้าจะใส่ Page file ลง RAM Disk ปิด Page file ไปเลยก็ได้ครับ